

หน้าเรียวสวย ถือเป็นความใฝ่ฝันของหญิงสาวทุกคน เป็นเทรนที่ใครๆ ก็ชอบ หลายคนที่มีหน้าไม่ได้รูป อาจมีกรามใหญ่จนหน้าบาน มีแก้ม ทำให้สาวๆ หลายคนขาดความมั่นใจในตัวเองได้ ซึ่งการฉีดโบท็อกเป็นการรักษาที่ช่วยลดแก้มปรับหน้าเรียวที่ได้ผลดีมากๆ เลยค่ะ
สวัสดีค่ะ หมอเหมี่ยว พญ.กัญวรา นวอนุรักษ์ เป็นแพทย์ประจำกัญวราคลินิก ค่ะ หมอจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับโบท็อกลดกราม ว่าช่วยหน้าเรียวยังไง ทำไปแล้วกี่วันเห็นผล ผลอยู่ได้นานแค่ไหน การดูแลตัวเองก่อนหลังโบท็อก และรีวิวเคสคนไข้ค่ะ
สารบัญ
สำหรับโครงสร้างใบหน้าของชาวเอเชียมักจะมีรูปหน้าสั้น โหนกแก้มและกระดูกขากรรไกรกว้าง กล้ามเนื้อมุมกรามขนาดใหญ่ ทำให้หน้าทรงไปทางสี่เหลี่ยมได้ค่ะ
โบท็อกกราม คือ การฉีดโบทูลินุ่มทอกซิน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโบท็อก เข้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณมุมกราม โดยปกตินั้น โบท็อกจะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ฉะนั้นถ้าเราฉีดโบท็อกเข้าไปที่กล้ามเนื้อมุมกรามแล้ว ก็จะมีผลทำให้กล้ามเนื้อมัดนั้นทำงานได้น้อยลง กล้ามเนื้อก็จะค่อยๆ ฝ่อตัวแล้วมีขนาดเล็กลง หน้าจึงดูเรียวขึ้นได้ค่ะ
หมอมีวิธีการง่ายๆ ให้เราสามารถตรวจกล้ามเนื้อกรามของเราได้เองที่บ้านว่ามีขนาดเล็กใหญ่แค่ไหนนะคะ
ลองเอามือสองข้างจับบริเวณช่วงมุมกรามของตัวเองดูค่ะ แล้วลองกัดฟันดู จะรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อที่เด้งมาชนมือทั้งสองข้างใช่ไหมคะ กล้ามเนื้อนั้นแหละค่ะคือกล้ามเนื้อกราม ซึ่งถ้าหากแรงที่เด้งขึ้นมาชนมือนั้นค่อนข้างที่จะเยอะ คลำได้ชัด ก็แสดงว่ากล้ามเนื้อกรามของเราค่อนข้างใหญ่
ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีนะคะ เพราะว่าถ้าฉีดโบท็อกแล้วจะเห็นผลค่อนข้างชัดเจนว่าใบหน้าดูเรียวลงชัดเจนค่ะ
แต่ถ้าเราคลำก้อนกล้ามเนื้อแล้วรู้สึกคลำได้ไม่ชัด แปลว่าอาจกล้ามเนื้อไม่ใหญ่มาก ถ้าฉีดโบท็อกกรามไปแล้ว อาจดูเปลี่ยนเป็นหน้าเรียวไม่ชัด ซึ่งในคนกลุ่มนี้อาจมีปัญหาจากฐโครงสร้างอื่น ได้แก่ ไขมันแก้ม กระดูกกราม หรือหน้าหย่อน ก็ได้ค่ะ
ฉะนั้นถ้าให้ชัวร์ว่าเราเหมาะกับการโบท็อกกรามให้หน้าเรียวหรือไม่ หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อช่วยประเมินสิ่งที่เหมาะสมกับเรา จะดีที่สุดค่ะ
สำหรับการฉีดโบท็อกกรามนั้น มีความปลอดภัยสูงมาก แทบจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เลยค่ะ ส่วนใหญ่ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ก็แค่
คนที่ห้ามฉีดโบท็อก ได้แก่
ส่วนในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ยังไม่มีการวิจัยที่ชัดเจนว่าสามารถฉีดได้หรือไม่ค่ะ
1.หากเป็นไปได้ควรงดการกินยาแก้ปวกอักเสบกลุ่ม:
Nsaids ได้แก่ ibuprofen, naproxen, อาหารเสริมบางชนิด ได้แก่ วิตามินอี น้ำมันปลา แป๊ะก๊วย โสม เพราะอาจทำให้มีรอยช้ำง่าย
2.เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ:
ตรวจสอบได้ว่าผ่านมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด เพื่อช่วยประเมินและแนะนำได้ค่ะ
1.ช่วง 1 ชม.แรกหลังฉีด
ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด 1-2 ครั้ง ทุก 10 นาที เพื่อให้ยาดูดซึมเข้ากล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น
2.ช่วง 4 ชม.แรกหลังฉีด
งดนอนราบ ห้ามกดนวดคลึง ใส่หมวกแว่นทับจุดที่ฉีด เพื่อไม่ให้ยากระจายไปตามจุดอื่น
3.ช่วง 7 วันแรก
หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนจัดๆ การดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อทำให้ประสิทธิภาพโบท็อกดี
เนื่องจากเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ จึงใช้ระยะเวลาในการเห็นผลนานหน่อยค่ะ คือ เริ่มเห็นผลประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด และเห็นชัดสุด คือ ประมาณ 1 เดือนหลังฉีดโบท็อกค่ะ
ผลจากการฉีดอยู่ได้นานประมาณ 4-8 เดือน ขึ้นกับหลายปัจจัยค่ะ ได้แก่ ยี่ห้อโบท็อกที่ใช้ ปริมาณยาที่ใช้ค่ะ
หลังจากหมดฤทธิ์ของโบท็อกแล้ว กล้ามเนื้อก็จะค่อยๆ กลับมาทำงานเหมือนเดิม โดยในช่วงแรกที่โบท็อกหมดฤทธิ์นั้น ขนาดกล้ามเนื้อจะยังไม่ได้ขนาดใหญ่เท่าเดิม แต่พอเวลาผ่านไป ถ้าโดยปกติตัวเราใช้งานกล้ามเนื้อบ่อย เช่น เคี้ยวอาหารเหนียวมากๆ ขนาดก็จะค่อยๆ กลับมาใหญ่ เร็วกว่าในคนที่ไม่ค่อยได้ใช้งานกล้ามเนื้อค่ะ
สำหรับที่กัญวราคลินิก หมอใช้โบท็อกของแท้ที่สั่งตรงจากบริษัท ในราคาที่สาเหตุสมผลไม่แพงเกินไปค่ะ
ก่อนฉีดหมอจะมีการคุยกับคนไข้ถึงความต้องการว่าต้องการผลลัพธ์แบบไหน และควรฉีดเทคนิคอย่างไรในคนไข้แต่ละคน เพราะบางคนถ้าอายุไม่มากและโหนกแก้มไม่ชัด สามารถใช้ตัวยาปริมาณเต็มที่ได้เลยเพื่อให้กล้ามเนื้อเล็กมากที่สุด หน้าเรียวได้ดังใจ แต่สำหรับบางเคสที่อายุมาก หรือคนที่ดูมีโหนกแก้มอยู่ก่อนแล้ว บางที่ใช้ยามากไปหรือเทคนิคบางอย่าง อาจทำให้ดูยิ่งหน้าหย่อน โหนกแก้มชัดขึ้น ดูไม่สวย แบบนี้เป็นต้นค่ะ
หมอจะมีการประเมินใบหน้าของคนไข้อย่างละเอียด เพื่อดูขอบเขตและขนาดกล้ามเนื้อ ก่อนฉีดจะมาร์คตำแหน่งจุดที่จะฉีดเพื่อให้แม่นยำ และเปิดไฟส่องเพื่อระวังเส้นเลือดไม่ให้เกิดการช้ำ ใช้เข็มขนาดเล็กเพื่อให้คนไข้เจ็บน้อยและผ่อนคลายที่สุด
หลังฉีดไปแล้วมีการติดตามผล และนัดพบแพทย์อีกครั้งเพื่อประเมินความพอใจ และแก้ไขกรณียังไม่สมบูรณ์แบบค่ะ
เทคนิคต่างๆ เหล่านี้ทำให้ได้ผลตอบรับที่ดีจากคนไข้ และคนไข้แนะนำแบบปากต่อปากเสมอมาค่ะ
โบท็อกจัดถือว่าเป็นกลุ่มยาฉีด ซึ่งต้องผ่านการรับรองถึงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย มาตรฐานของตัวยา จากองค์การอาหารและยา (อย.) ดังนั้นเราควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย.เพื่อความปลอดภัยกันค่ะ
ซึ่งปัจจุบัน โบท็อกที่ผ่าน อย.ไทย มีหลายยี่ห้อ ได้แก่ Allergan (อเมริกา), Xeomin(เยอรมัน), Dysport (อังกฤษ), ทางเกาหลี เช่น Nabota, Hugel, Aestox