ยกกระชับหน้า ปรับใบหน้าให้ดูเด็กลง ไม่ผ่าตัด ครบวงจร

ใครที่กลัวเข็ม หรือกลัวเจ็บแนะนำว่าให้ขอครีมชา หรือเจลเย็นประคบไว้เพื่อให้ชาบริเวณนั้นก่อน อาจมีความรู้สึกแปลกๆระหว่างฉีด แต่บอกได้เลยว่าไม่เจ็บอย่างแน่นอน โดยทั่วไปการฉีดโบท็อกซ์จะใช้เข็มขนาดเล็กมาก เลยทำให้แทบไม่รู้สึกอะไรเลย

อาจมีผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น อาการบวม แดง มีอาการปวดเมื่อกดตรงบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก แน่นอนว่าจะหายไปหลังจากผ่านไป 2 – 3 ชั่วโมง

เมื่อเจอผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ ปวดคอ ปัญหาสายตา หรืออาการแพ้ แนะนำให้ปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ทันที

ปกติแล้วจะเห็นผลหลังขึ้นภายในไม่กี่วันหลังจากฉีด และยังคงเห็นผลการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนานถึง 30 วันหลังการฉีด โดยปกติจะต้องเข้ามาฉีดซ่ำ3-4 ครั้งในปีแรก และ 2-3 ครั้งในปีถัดไป ตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้ผลของการฉีดโบทอกซ์ดีขึ้นควรพักกล้ามเนื้อได้มีเวลาพักผ่อน จะทำให้ การฉีด BOTOX ครั้งต่อไปน้อยลง อย่างไรก็ตามโปรแกรมในการฉีดโบท็อยกกระชับ หรือ ความถี่ที่เหมาะสมสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราโดยตรงได้ เพื่อให้ผลลัพธุ์ออกมาดีที่สุด

โบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ ทำงานต่างกันมาก ตัวหนึ่งมีหน้าที่รั่งไว้อยู่กับที่ อีกตัวหนึ่งจะคอยเติมเต็มสิ่งที่ขาดค่ะ  ตัวโบท็อกซ์ Botox (neurotoxins และอื่น ๆ เช่น Xeomin และ Dysport) ที่พี่หมอหลายคนฉีกเข้าไป จะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าเป็นอัมพาตค่ะ เพื่อป้องกันริ้วรอยที่เกิดจากการขมวดคิ้ว หรี่ตา หรือเลิกคิ้ว โบท็อกซ์มักใช้ในบริเวณหน้าผากและรอบดวงตานั้นเอง

ส่วนตัวฟิลเลอร์ จะทำงานแบบตรงกันข้ามกับโบท็อกซ์ชัดเจนมาก จะเน้นเพื่อเติมเต็มอย่าง ริ้วรอยรอบปาก เพิ่มปริมาตรให้แก้ม หรือทำให้ริมฝีปากอิ่ม อวบสวยได้รูปมากขึ้น ฟิลเลอร์ยังสามารถใช้เพื่อทำให้มือดูอ่อนกว่าวัย หรือเพื่อทำให้ผิวที่เป็นรอยย่นบริเวณคอ หน้าอก ขา และแขนเรียบเนียนขึ้นได้ด้วยค่ะ 

ปกติแล้วก่อนฉีดจะมีพี่ๆผู้ช่วยจะคอยประคบเย็น หรือทาครีมชาให้ก่อนค่ะ ระหว่างการฉีดเลยไม่ค่อยเจ็บมากเท่าไหร่ แต่จะรู้สึกว่ามีอะไรฉีดเข้าไปค่ะเลยทำให้รู้สึกแปลกๆเวลาฉีด แน่นอนว่ามีมาให้เลือกก่อนที่จะฉีด ข้อดีข้อเสียก็แตกต่างกันเล็กน้อยค่ะ ยกตัวอย่าง :

ตัวเลือกที่ 1 คือ ใช้ครีมชาเฉพาะที่เพื่อทำให้ผิวหนังชาก่อนฉีด ทาทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาทีก่อนการฉีด ขอดีคือไม่รู้สึกถึงเข้มเวลาฉีด แต่จะมีอาการบวมมากว่าแบบที่ 2 

ตัวเลือกที่ 2 ประคบน้ำแข็งสักสองสามวินาทีก่อนการฉีดแต่ละครั้ง ช่วยลดอาการเจ็บระหว่างฉีดได้ดี ที่สำคัญเทคนิคนี้ช่วยทำให้หลอดเลือดหดตัวเพื่อลดอาการช้ำค่ะ 

อายุของฟิลเลอนร์ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบข้างในค่ะ ตัวที่มี สารตัวเติมกรดไฮยาลูโรนิกเช่น Juvederm, Restylane และ Belotero มีอายุเฉลี่ยประมาณ 6-9 เดือน บางสูตรก็ประมาณหนึ่งปีไม่เกินนี้ค่ะ ส่วนตัว Radiesse เป็นสารตัวเติมที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เลยสามารถอยู่ได้นานกว่าตัวข้างบนนิดหน่อยประมาณ 9 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคลค่ะ 

ถ้าถามพี่หมอว่าตัวไหนสามารถอยู่ได้นานสุด ก็ต้องยกให้ Sculptra เป็นผู้ชนะเลยค่ะ เพราะอาจอยู่ได้นานถึง 2-3 ปีเลย 

และมีสารฟิลเลอร์เติมเต็มแบบถาวรสองตัวในท้องตลาด ที่พี่หมอไม่ขอแนะนำสักเท่าไหร่ นั้นก็คือ : Artefill และ Bellafill เพราะถ้าทำเสร็จมาแล้ว แต่ดันออกมาไม่พอใจเรา หรือไม่ชอบผลลัพธ์ที่ได้มา วิธีการเอาออก พี่หมอบอกคำเดียวเลยว่าเจ็บมาก แพงกว่าค่าฉีดอีก ถ้าใครกลัวเจ็บก็ต้องนอจนฟิลเลอร์สองตัวนี้จะสลายไปเอง แต่บอกได้คำเดียวว่านานมาก ขอเตือนไว้ก่อนค่ะ