สิววัยรุ่น สิวฮอร์โมน รักษากันยังไงดี ทั้ง วัยรุ่นชาย และ วัยรุ่นหญิง ฟัง จากหมอเหมี่ยว กัญวราคลินิก

สิววัยรุ่น สิวฮอร์โมน รักษากันยังไงดี ทั้ง วัยรุ่นชาย และ วัยรุ่นหญิง ฟัง จากหมอเหมี่ยว กัญวราคลินิก
สิววัยรุ่น
สิววัยรุ่น ในปัจจุบัน เป็นปัญหาทางผิวพรรณที่พบได้บ่อย เกิดในช่วงอายุประมาน 12-20 ปี สาเหตุหลักเกิดจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงตามวัย ซึ่งในปัจจุบันแนวโน้มช่วงอายุที่เริ่มเป็นสิวจะอายุน้อยลง และนอกจากนี้พบคนไข้ที่มีปัญหาผิวแพ้ระคายเคืองง่ายแล้วกระตุ้นสิวมากขึ้น พฤติกรรมที่กระตุ้นสิวมีการเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
ซึ่งในปัจจุบันทั้งสิ่งแวดล้อมและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงล้วนเป็นต้น้หตุสำคัญต่อการเกิดสิว โดยลักษณะสิวจะมีทั้งสิวอุดตัน สิวผด สิวอักเสบ และปัญหาที่ตามมาคือ รอยดำรอยแดงจากสิว และหลุมสิว ซึ่งจะมากน้อยต่างกันไป แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะสิวมากน้อย รอยแผลเป็นมากน้อย ล้วนทำให้คนไข้สูญเสียความมั่นใจ ฉะนั้นการดูแลตัวเอง และรักษาสิวอย่างถูกต้องเหมาะสม จะช่วยทำให้คนไข้กลับมามีความมั่นใจ และป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นใหม่ซึ่งอาจใช้เวลาในการรักษานานกว่าสิว


สิววัยรุ่น เกิดจาก
ถึงแม้สาเหตุในการเกิดสิวมีหลากหลาย แต่ถ้ามองเจาะจงเป็นเฉพาะในวัยรุ่น หมอขอแบ่งสาเหตุการเกิดสิว เป็น 2 ส่วน คือ สาเหตุหลัก และ ปัจจัยกระตุ้นการเกิดสิว นะคะ
สาเหตุหลักในการเกิดสิว คือ สาเหตุที่เป็นจากการเปลี่ยนแปลงตามวัย ซึ่งก็คือ ฮอร์โมนนั่นเองค่ะ
ฮอร์โมนหลักที่ทำให้เกิดสิวคือ ฮอร์โมนตระกูลแอนโดรเจน (Androgen) ซึ่งตัวหลักชื่อเทสโทสเตอโรน (Testosterone) พบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง กลไกการเกิดสิว คือ
-
- ฮอร์โมนเพศชาย กระตุ้นทำให้ต่อมไขมัน (Sebaceous Gland) หลั่งไขมัน(Sebum) ออกมาจากรูขุมขนมากขึ้น
- ผิวหนังชั้นนอกสุดที่ตายแล้วเกิดการหนาตัว (Hyperkeratosis) มารวมกับไขมันส่วนเกินมาอุดบนรูขุมขน บวกกับ ไขมันที่สร้างออกมาจากต่อมไขมันออกมาไม่ได้ จึงเกิดเป็นกระเปาะของรูขุมขน ที่เรียกว่าคอมิโดน (Comedone) ซึ่งก็คือ สิวอุดตันหัวขาว (White head) และหัวดำ (Black head) นั่นเอง
- แบคทีเรียที่ชื่อ C.acnes (Cutibacterium Acnes) โดยปกติ ที่ผิวของเราจะมีแบคทีเรียชนิดนี้อยู่แล้ว อยู่ในปริมาณที่ปกติ เลยไม่กระตุ้นการเกิดสิว แต่ในภาวะที่ผิวมัน จะทำให้แบคทีเรียซึ่งชอบกินน้ำมันเป็นอาหาร มีปริมาณเพิ่มขึ้น
- ปฏิกิริยาอักเสบ เกิดจาก แบคทีเรีย C.acnes ที่ปริมาณมากขึ้น ไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาอักเสบ ทำให้คอมิโดน หรือสิวอุดตัน เปลี่ยนแปลงเป็นสิวชนิดอักเสบขึ้นได้
- ฮอร์โมนเพศชาย กระตุ้นทำให้ต่อมไขมัน (Sebaceous Gland) หลั่งไขมัน(Sebum) ออกมาจากรูขุมขนมากขึ้น
ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นสาเหตุหลัก ของการเกิดสิวในวัยรุ่นค่ะ นอกจากนี้ การใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมหลายอย่าง ล้วนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้สิวที่มีอยู่แล้วเป็นมากขึ้นได้ค่ะ ปัจจัยต่างๆ คือ
ปัจจัยภายใน
-
- กรรมพันธุ์ หากมีประวัติครอบครัวเป็นสิว ตัวเราก็มีโอกาสเป็นมากขึ้น
-
- ความเครียด เช่น ช่วงเตรียมตัวสอบ จะกระตุ้นฮอร์โมนคอร์ติซอลให้มากขึ้น ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น การอักเสบในร่างกายเกิดง่ายขึ้น สิวจะเห่อได้ค่ะ
-
- การนอนดึก โดยปกติร่างกายจะมีการหลั่งโกรธฮอร์โมนมากที่สุดช่วง 4ทุ่มถึงตี2 ซึ่งหากเรานอนก่อน 4 ทุ่ม ทำให้ช่วงหลับสนิท ร่างกายจะฟื้นฟูตังเองได้ดี ฉะนั้น ถ้าเข้านอนหลัง 4 ทุ่มไปแล้ว การซ่อมแซมผิวจะเกิดน้อยลง การอักเสบง่ายขึ้น ผิวอ่อนแอ โอกาสสิวเห่อจะมากขึ้นค่ะ
-
- ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ช่วงที่ร่างกายเราวีค เช่น เครียด นอนดึก พักผ่อนน้อย การตอบสนองของภูมิคุ้มกันจะแย่ลง สิวอักเสบบวมแดงจะเกิดง่ายขึ้น ค่ะ
- ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ช่วงที่ร่างกายเราวีค เช่น เครียด นอนดึก พักผ่อนน้อย การตอบสนองของภูมิคุ้มกันจะแย่ลง สิวอักเสบบวมแดงจะเกิดง่ายขึ้น ค่ะ
ปัจจัยภายนอก
-
- ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ วัยรุ่นบางคนพอเริ่มมีสิว จะเกิดความกังวล ทำให้หาซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อหวังผลให้สิวหาย เมื่อใช้สักพักผลลัพธ์ยังไม่ดีขึ้น เปลี่ยนไปเรื่อยๆ หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์หลายแบบปนกัน จะเสี่ยงทำให้ผิวมีโอกาสระคายเคือง ผิวขาดความสมดุล มีการรบกวนให้สร้างผิวชั้นขี้ไคลมากขึ้น บวกกับแบคทีเรียมากขึ้น ทำให้ทั้งสิวอุดตัน และอักเสบเห่อได้ นอกจากนี้วัยรุ่นบางคน พยายามจะแต่งหน้าปกปิด ซึ่งแป้งอาจมีส่วนผสมของรองพื้นที่ทำให้เกิดการอุดตันได้ กลายเป็นว่า มีสิวอยู่แล้ว แต่สิวยิ่งเห่อกว่าเดิมค่ะ
- ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ วัยรุ่นบางคนพอเริ่มมีสิว จะเกิดความกังวล ทำให้หาซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อหวังผลให้สิวหาย เมื่อใช้สักพักผลลัพธ์ยังไม่ดีขึ้น เปลี่ยนไปเรื่อยๆ หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์หลายแบบปนกัน จะเสี่ยงทำให้ผิวมีโอกาสระคายเคือง ผิวขาดความสมดุล มีการรบกวนให้สร้างผิวชั้นขี้ไคลมากขึ้น บวกกับแบคทีเรียมากขึ้น ทำให้ทั้งสิวอุดตัน และอักเสบเห่อได้ นอกจากนี้วัยรุ่นบางคน พยายามจะแต่งหน้าปกปิด ซึ่งแป้งอาจมีส่วนผสมของรองพื้นที่ทำให้เกิดการอุดตันได้ กลายเป็นว่า มีสิวอยู่แล้ว แต่สิวยิ่งเห่อกว่าเดิมค่ะ
-
- อาหารบางชนิด จะกระตุ้นให้สิวแย่ลง เช่น อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลเยอะ (หวาน) ทำให้น้ำตาลในเลือด สูงเร็ว อินซูลินหลั่งมากขึ้น กระตุ้นทางอ้อมให้ต่อมไขมันหลั่งไขมันออกมามากขึ้น ทำให้สิวอักเสบง่าย และ ในบางคน สิวอาจสัมพันธ์กับการกินนมวัว เนื่องจากตามหลักด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย นมวัวเป็นโปรตีนโมเลกุลใหญ่ ย่อยยาก ตกค้างในลำไส้ ไปกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ตัวอย่างอาหารเหล่านี้ ได้แก่ เบเกอรี่ ขนมหวาน เครื่องดื่มชงหวาน น้ำอัดลม
- อาหารบางชนิด จะกระตุ้นให้สิวแย่ลง เช่น อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลเยอะ (หวาน) ทำให้น้ำตาลในเลือด สูงเร็ว อินซูลินหลั่งมากขึ้น กระตุ้นทางอ้อมให้ต่อมไขมันหลั่งไขมันออกมามากขึ้น ทำให้สิวอักเสบง่าย และ ในบางคน สิวอาจสัมพันธ์กับการกินนมวัว เนื่องจากตามหลักด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย นมวัวเป็นโปรตีนโมเลกุลใหญ่ ย่อยยาก ตกค้างในลำไส้ ไปกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ตัวอย่างอาหารเหล่านี้ ได้แก่ เบเกอรี่ ขนมหวาน เครื่องดื่มชงหวาน น้ำอัดลม
-
- การสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ เช่น มือแคะแกะจับสิว จะทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น แบคทีเรียกระจายง่ายขึ้น , บางคนมีสิวกระจายในบริเวณที่โดนผม หน้าม้า ปรอยผม มากกว่าบริเวณอื่น อาจเป็นจาก ผมเสียดสีสัมผัส หรือ แชมพูที่มีส่วนผสมของซิลิโคนได้ทั้งคู่ค่ะ
- การสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ เช่น มือแคะแกะจับสิว จะทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น แบคทีเรียกระจายง่ายขึ้น , บางคนมีสิวกระจายในบริเวณที่โดนผม หน้าม้า ปรอยผม มากกว่าบริเวณอื่น อาจเป็นจาก ผมเสียดสีสัมผัส หรือ แชมพูที่มีส่วนผสมของซิลิโคนได้ทั้งคู่ค่ะ
-
- สิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น PM, มลภาวะทางอากาศ ,ควัน,เหงื่อ ทำให้ผิวระคายเคืองอ่อนแอ
- สิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น PM, มลภาวะทางอากาศ ,ควัน,เหงื่อ ทำให้ผิวระคายเคืองอ่อนแอ
-
- การล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้าบ่อยเกินไป ทำให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น เสียสมดุล อาจกระตุ้นสิวได้ในบางคนค่ะ
- การล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้าบ่อยเกินไป ทำให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น เสียสมดุล อาจกระตุ้นสิวได้ในบางคนค่ะ
จะเห็นว่า สาเหตุของสิวในวัยรุ่น พื้นฐานเป็นจากฮอร์โมนตามวัย แต่การที่สิวจะเห่อ หรือรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ส่วนนึงสัมพันธ์กับพฤติกรรมของน้องด้วยค่ะ ฉะนั้นหากเราดูแลตัวเอง เข้านอนเร็ว พักผ่อนเพียงพอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เน้นผักผลไม้ ดูแลผิวโดยทาครีมบำรุงพื้นฐาน ผลิตภัณฑ์ใดใช้แล้วรู้สึกเหมาะกับผิวแล้ว ก็ไม่ควรเปลี่ยนบ่อยๆ
หากจำเป็นต้องแต่งหน้าแนะนำแต่งบางๆ พอประมาณ ล้างหน้าด้วยสบู่วันละ 2 ครั้งเช้าเย็น แต่ระหว่างวันสามารถล้างน้ำเปล่าสะอาดได้ ซับมันได้ เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการดูแลตัวเองเบื้องต้นในคนที่เป็นสิวฮอร์โมนวัยรุ่น ค่ะ


ใช้วิธี รักษาสิววัยรุ่น จาก pantip แล้ว รักษาด้วยตัวเองดีไหม ?
สำหรับวัยรุ่นที่เป็นสิว อยากเริ่มรักษาสิวด้วยตัวเอง ในปัจจุบันข้อมูลข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับสิวในโซเชียลมีให้หามากมาย ทั้งจากแหล่งข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญ หรืออาจเป็นคำแนะนำจากประสบการณ์ของคนที่เคยเป็นสิว ทำให้วัยรุ่นที่เป็นสิวมีคำถามว่า ถ้าไม่ต้องเข้าคลินิกรักษาสิว สามารถรักษาสิวเองดีไหมทำวิธีไหนดี สิวจะหายจริงมั้ย
ซึ่งคำตอบในมุมของหมอคือ วิธีรักษาสิวทุกอย่างที่น้องวัยรุ่นหาข้อมูลมา ไม่ว่าจะเป็น การดูแลตัวเองโดยปรับพฤติกรรม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสิว ยารักษาสิว การรักษาภายใต้ผู้เชี่ยวชาญ ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยให้สิวดีขึ้นทั้งนั้นค่ะ หากเรารักษาด้วยตัวเองข้อดีคือ ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า
แต่ถ้าเรารักษาด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ลองผิดลองถูก จะเสี่ยงที่ผิวแพ้ง่ายมากขึ้นและสิวไม่หายถ้ารักษาโดยให้ผู้เชี่ยวชาญ เช่นแพทย์ช่วยดูแลให้คำแนะนำ ข้อดีคือ ผลการรักษาดีขึ้นเร็วกว่า แต่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ยังไงก็ตามเราสามารถควบคุมงบประมาณในแบบที่เราต้องการได้เพราะมีทางเลือกหลายอย่างในการรักษา
สุดท้าย เราจะเริ่มต้นวิธีไหนยังไงก่อนดี หมอมีคำแนะนำในมุมของแพทย์นะคะ ก่อนอื่นที่จะเลือกว่าระหว่างเริ่มรักษาสิวด้วยตนเอง กับให้แพทย์ดูแล หมอมีเกณฑ์ง่ายๆ คือ หากเป็นสิวในระดับเล็กน้อย น้องๆสามารถรักษาด้วยตนเองได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นระดับปานกลางถึงรุนแรง แนะนำให้แพทย์เป็นผู้ดูแลจะดีกว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าสิววัยรุ่นของเราเป็นรุนแรงระดับไหนนะคะ
หลักง่ายๆ คือ ดูตามปริมาณและชนิดของสิวอักเสบค่ะ
-
- ถ้าเราเพียงมีสิวอุดตันอย่างเดียว หรือถ้ามีเม็ดสิวที่บวมอักเสบ แต่ลักษณะเม็ดสิวอักเสบเป็นขนาดเล็ก (pustules , papules) และจำนวนของเม็ดอักเสบขนาดเล็กไม่เกิน 10 จุด กรณีแบบนี้ จะเรียกว่า เป็นสิวระดับเล็กน้อยค่ะ หมอแนะนำว่าสามารถลองรักษาด้วยตัวเองก่อนได้โดยวิธีทายา หรือเวชสำอาง (ซึ่งหมอจะขออธิบายในหัวข้อถัดไป) ไม่จำเป็นต้องเข้าคลินิกรักษาสิวค่ะ แต่ถ้ารักษาเองแล้วดูผลอย่างน้อย 2-3 เดือน ถ้ายังอาการไม่ดีขึ้น แนะนำว่าควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญดูแลเพิ่มเติมได้ค่ะ จากประสบการณ์พบกว่าคนไข้กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ สิวมักจะค่อยๆดีขึ้นเองค่ะ ยกเว้นบางคนที่ ถึงแม้จะมีเพียงสิวอุดตันแต่ปริมาณสิวอุดตันเยอะมากๆคือ มีหัวสิวอุดตันกระจายทั่วใบหน้า และหัวสิวอยู่ติดๆกัน กรณีแบบนี้มักทายาด้วยตัวเองอย่างเดียวจะใช้เวลานานมากๆกว่าสิวจะหาย ถ้าต้องการให้เห็นผลเร็วขึ้น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อหาวิธีอื่นเสริม เช่น กินยา กดสิวออก เป็นต้นค่ะ
- ถ้าเราเพียงมีสิวอุดตันอย่างเดียว หรือถ้ามีเม็ดสิวที่บวมอักเสบ แต่ลักษณะเม็ดสิวอักเสบเป็นขนาดเล็ก (pustules , papules) และจำนวนของเม็ดอักเสบขนาดเล็กไม่เกิน 10 จุด กรณีแบบนี้ จะเรียกว่า เป็นสิวระดับเล็กน้อยค่ะ หมอแนะนำว่าสามารถลองรักษาด้วยตัวเองก่อนได้โดยวิธีทายา หรือเวชสำอาง (ซึ่งหมอจะขออธิบายในหัวข้อถัดไป) ไม่จำเป็นต้องเข้าคลินิกรักษาสิวค่ะ แต่ถ้ารักษาเองแล้วดูผลอย่างน้อย 2-3 เดือน ถ้ายังอาการไม่ดีขึ้น แนะนำว่าควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญดูแลเพิ่มเติมได้ค่ะ จากประสบการณ์พบกว่าคนไข้กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ สิวมักจะค่อยๆดีขึ้นเองค่ะ ยกเว้นบางคนที่ ถึงแม้จะมีเพียงสิวอุดตันแต่ปริมาณสิวอุดตันเยอะมากๆคือ มีหัวสิวอุดตันกระจายทั่วใบหน้า และหัวสิวอยู่ติดๆกัน กรณีแบบนี้มักทายาด้วยตัวเองอย่างเดียวจะใช้เวลานานมากๆกว่าสิวจะหาย ถ้าต้องการให้เห็นผลเร็วขึ้น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อหาวิธีอื่นเสริม เช่น กินยา กดสิวออก เป็นต้นค่ะ
-
- หากมีสิวอักเสบขนาดเล็ก(pustule, papules) มากกว่า10จุดขึ้นไป หรือ มีสิวอักเสบที่ขนาดใหญ่ (nodules) สิวหัวช้าง (cyst) ร่วมด้วย จะเรียกว่าเป็นสิวระดับกลางถึงรุนแรง กรณีแบบนี้ นอกจากการทายาแล้ว อาจกินยาหรือวิธีทางการแพทย์เสริมเพื่อเห็นผลเร็วขึ้น และป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นชนิดหลุมสิว หมอแนะนำให้รักษาภายใต้การดูแลของแพทย์ค่ะ
- หากมีสิวอักเสบขนาดเล็ก(pustule, papules) มากกว่า10จุดขึ้นไป หรือ มีสิวอักเสบที่ขนาดใหญ่ (nodules) สิวหัวช้าง (cyst) ร่วมด้วย จะเรียกว่าเป็นสิวระดับกลางถึงรุนแรง กรณีแบบนี้ นอกจากการทายาแล้ว อาจกินยาหรือวิธีทางการแพทย์เสริมเพื่อเห็นผลเร็วขึ้น และป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นชนิดหลุมสิว หมอแนะนำให้รักษาภายใต้การดูแลของแพทย์ค่ะ
ตอนนี้น้องที่เป็นสิววัยรุ่นพอจะได้ไอเดียเบื้องต้น แล้วนะคะว่าเริ่มรักษาสิวด้วยตนเองดีไหม
สิววัยรุ่น ใช้อะไรดี หรือ หาหมอ ดีกว่า ?
ในกรณีที่เราต้องการรักษาด้วยตนเอง น้องๆจะมีคำถามว่า สิววัยรุ่นใช้อะไรดี หมอขออธิบายในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ใช้แบบทาเป็นหลัก จะยังไม่แนะนำเรื่องการกินยาเพราะส่วนนี้ควรปรึกษาแพทย์ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่สามารถที่ใช้กับผิวได้จะมีเกรด 3 ระดับ ได้แก่ สกินแคร์ เวชสำอาง และยา
- สกินแคร์ จะมีส่วนผสมที่อ่อนโยน เน้นความชุ่มชื้น ปกป้องผิว จุดประสงค์คือ เน้นมำความสะอาดผิว บำรุงผิวอย่างอ่อนโยน เสริมเกราะป้องกันผิว จะเหมาะสำหรับ ผู้ที่ไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่อยากเน้นบำรุงให้ผิวดูสุขภาพดี หากเรามีสิว จำเป็นต้องใช้สกินแคร์กลุ่มมอยเจอไรเซอร์เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสมดุลผิวให้แข็งแรงและลดอาการข้างเคียงจากการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว ค่ะ
- เวชสำอาง ส่วนผสม จะมีความเข้นข้นสูงกว่าสกินแคร์ ออกฤทธิ์ในการรักษา จุดประสงค์คือ ช่วยแก้ปัญหาผิว ได้ตรงจุดเช่น สิวฝ้ากระริ้วรอย เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ แต่ประสิทธิภาพในการรักษา อาจไม่ได้เห็นผลเร็วและชัดเจนเท่ากับการใช้ยา ฉะนั้น หากเราต้องการรักษาสิวด้วยเวชสำอาง ก็สามารถทำได้ แต่จะเหมาะกับผู้ที่เป็นสิวในระดับเล็กน้อย และต้องรอระยะเวลาเริ่มเห็นผลอย่างน้อย 2-3 เดือน เวชสำอางสิวจะมีส่วนผสมที่นิยม คือ BHA(ซาลิไซลิกแอซิด) , AHA(ไกลโคลิกแอซิด) , Retinol (เรตินอล รูปแบบนึงของวิตามินเอ) , Zinc , Niacinamide และสิ่งที่ควรระวัง คือหากเราใช้ เวชสำอางที่มีส่วนผสมลดสิวหลายชนิดพร้อมกันหรือใช้คู่กับยาทารักษาสิว จะเสี่ยงทำให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น ฉะนั้นควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์หรือแพทย์ เภสัชกรก่อนใช้นะคะ
- ยาทา ส่วนผสม คือเป็นยาที่ออกฤทธิ์ช่วยรักษาสิว เหมาะกับคนที่เป็นสิวทุกระดับตั้งแต่ เล็กน้อย ถึงรุนแรง (สิวระดับปานกลางถึงรุนแรง ควรกินยาเสริมด้วย) เห็นผลการรักษาเร็วกว่าเวชสำอาง และควรอยู่ภายใต้การควบคุมแนะนำของแพทย์ หรือเภสัชกร เพราะหากเราใช้ไม่ถูกวิธี จะมีผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น ระคายเคือง แสบแห้งแดงลอก ได้ค่ะ หมอขอแนะนำเกี่ยวกับยาทา คร่าวๆ ดังนี้นะคะ
1. ยาทาปฏิชีวนะ ได้แก่ clindamycin , erythromycin, metronidazole ออกฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อสิว ลดการอักเสบ ตัวที่มีตามร้านขายยาทั่วไป คือ clinda-m แนะนำให้ทาคู่กับ benzoyl peroxide เพื่อลดการดื้อยา และเนื่องจากมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม อาจทำให้ผิวแห้งแสบระคายเคืองได้ค่ะ
2.benzoyl peroxide มีผลฆ่าเชื้อสิว ช่วยลดปริมาณแบคทีเรียและไขมันบนผิวหนัง ช่วยลดการอักเสบของสิวและทำให้สิวอุดตันแห้งขึ้น ยี่ห้อที่นิยมคือ benzac มีทั้งความเข้มข้น 2.5 และ 5% แนะนำเรอีมจากความเข้มข้น 2.5% ก่อน เนื่องจากตัวยามีผลข้างเคียงทำให้ผิวแสบแห้งแดงลอกได้ค่ะ
3. Retinoic acid เป็นยาที่ช่วยลดการหนาตัวของเซลผิวชั้นเคราติน ผลัดเซลผิว ทำให้ละลายสิวอุดตัน และลดการเกิดสิวใหม่ ลดการอักเสบของสิว ลดรอยดำ แต่ผลข้างเคียงคือ ทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น และผิวอาจแห้งแดงลอกได้ จึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ตัวอย่างของตัวยากลุ่มนี้คือ retin-A , differin
4. Azelaic acid เป็นกลุ่มกรดธรรมชาติ ออกฤทธิ์ช่วยเรื่องฆ่าเชื้อ ลดการเกิดสิวอุดตัน และอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยลดรอยดำจากสิว และฝ้าได้ ถือเป็นตัวยาที่คุณสมบัติช่วยได้หลายเรื่อง ตัวอย่างยาคือ skinoren
ทั้งหมดที่หมอแนะนำไปข้างต้น บอกถึงเรื่องหลักการรักษาสิวด้วยตนเองด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดทาทั้ง สกินแคร์ เวชสำอาง และยาทา แต่หากเรายังไม่แน่ใจว่าเราเป็นสิวระดับไหน หรือ ถ้าจะรักษาเองก็มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมายจนตัดสินใจไม่ถูก หมอขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ จะดีกว่าค่ะ


นอกจากการทาแล้ว การปรับพฤติกรรม และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ได้แก่ สบู่ล้างหน้า ,กันแดด, เครื่องสำอาง สิ่งที่ควรต้องใส่ใจเช่นกัน
ในส่วนของการปรับพฤติกรรมที่กระตุ้นสิวนั้น หมอได้มีแนะนำไปแล้วในหัวข้อที่ผ่านมา เรื่องปัจจัยที่กระตุ้นสิว หากเราดูแลตัวเองดี จะช่วยลดการเกิดสิวกลุ่มใหม่ได้ระดับนึงค่ะ
อีกเรื่องที่หมออยากขอแนะนำเพิ่มคือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับสิว ปัญหาที่หมอพบบ่อย คือ เนื่องจากปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลผิวเป็นสิวในออนไลน์ให้เลือกมากมาย ทำให้คนไข้สิววัยรุ่นทางเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับสิวเยอะ และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเรื่อยๆ ส่วนนึงหมอต้องยอมรับเลยค่ะว่าน้องๆเก่งหาข้อมูลกันมาก ได้ช่วยแชร์สินค้าตัวใหม่ๆให้หมอคอยอัพเดทตลอด ในมุมหมอที่หมอขอแชร์เพิ่มคือ
การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใช้บ่อยๆ หมอเข้าใจในมุมวัยรุ่นนะคะ บางทีพอเราซื้อผลิตภัณฑ์ชนิดนึงมา พอใช้แล้วยังไม่เห็นผลลัพธ์ว่าสิวดีขึ้น ทำให้ลองเปลี่ยนยี่ห้อไปเรื่อยๆ จะมีผลเสียคือ เสี่ยงที่จะผิวแพ้ง่ายขึ้น หมอแนะนำว่า การประเมินว่าใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนแล้วเห็นผลหรือไม่ ให้รอดูอย่างน้อย 2-3 เดือน หรือในบางคนใช้ผลิตภัณฑ์เดิมจนสิวดีขึ้นแล้ว แต่เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาน่าสนใจจึงลองเปลี่ยนเป็นตัวใหม่ ทำให้แพ้แล้วสิวเห่อแบบนี้ก็มีเช่นกัน แนะนำว่าถ้าใช้ผลิตภัณฑ์แล้วโอเคสิวไม่ขึ้น ไม่แพ้ ก็ไม่ควรเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บ่อยๆค่ะ
การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ควรเลือกที่มีความน่าเชื่อถือ ระวังเรื่องสารต้องห้ามที่ไม่ปลอดภัยกับผิวระยะยาว เช่น สเตียรอยด์ ถึงแม้ในปัจจุบัน ครีมที่มีสารต้องห้ามต่างๆ น้อยลงกว่าในอดีต แต่ยังไงก็ควรเลือกแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ ค่ะ
ความแตกต่างของ สิววัยรุ่นชาย และ สิววัยรุ่นหญิง
สิววัยรุ่นชาย และสิววัยรุ่นหญิง ถึงแม้สาเหตุหลัก คือเป็นจากระดับฮอร์โมนตามวัยที่มากขึ้น แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันในเรื่อง ปัจจัยด้านฮอร์โมนมีผลต่อลักษณะสิว รวมถึง พฤติกรรมที่กระตุ้นการเกิดสิว
- ด้านฮอร์โมนปริมาณฮอร์โมนแอนโดรเจนของวัยรุ่นชายมีมากกว่าวัยรุ่นหญิง ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากกว่า ผิวมันมากกว่า ลักษณะสิวมีโอากาสป็นรุนแรงมากกว่า คือ มีเม็ดสิวอักเสบมากกว่า บางคนถ้าเป็นรุนแรงมาก จะเป็นสิวอักเสบเแบบซีสต์หัวช้างค่ะ ส่วนวัยรุ่นหญิง การเปลี่ยนแปลงของรอบเดือน จะมีผลทำให้สิวเห่อเป็นช่วงๆได้ โดยจะมีมากขึ้นช่วงใกล้เป็นประจำเดือน และลักษณะสิวอาจเกิดบริเวณ คาง แนวกรามค่ะ นอกจากนี้ในวัยรุ่นหญิงบางคน ในระยะต้นๆของการเริ่มมีสิว คือ ช่วงมัธยมต้น บางคนจะมีสิวอุดตันปริมาณมากบริเวณหน้าผาก
- ด้านพฤติกรรมกระตุ้นสิว วัยรุ่นชาย มักมีกิจกรรมออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก มีผลต่อความระคายเคืองของผิวกระตุ้นสิวได้ บวกกับอาจไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการดูแลผิวหน้าเท่าที่ควรเช่นไม่ค่อยล้างหน้า หรือ หากมีสิวแล้วไม่ค่อยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิว ก็จะมีผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาสิวได้ค่ะ ส่วนวัยรุ่นผู้หญิงนั้น เท่าที่หมอพบมา เวลามีสิว ทำให้กังวลใจ จึงมักแต่งหน้าเพื่อปกปิด ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการอุดตันง่ายขึ้น หรือบางคน หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนึงแล้วยังไม่เห็นผล มักเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บ่อยไปเรื่อยๆ ทำให้เสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว ได้ค่ะ
จะเห็นว่า มีหลายปัจจัยที่มีผลทำให้มีความแตกต่างของลักษณะสิวของวัยรุ่นชายและหญิง ทำให้วิธีการรักษาอาจมีแตกต่างกันบ้าง ซึ่งหมอจะขอแนะนำในมุมของทั้งการรักษาด้วยการใช้ยา , การปรับพฤติกรรม นะคะ
วิธีรักษาสิววัยรุ่นชาย
การรักษาสิววัยรุ่นชาย ภาพรวมของแนวทางการรักษา จะคล้ายกับรักษาสิวทั่วไปค่ะ แต่ในรายละเอียดบางส่วน ที่หมอจะขอแนะนำเจาะจงไปเฉพาะกลุ่มสิววัยรุ่นชาย ค่ะ
ก่อนอื่น อยากให้ทำความเข้าใจ เกี่ยวกับหลักการรักษาสิวทั่วไปก่อนนะคะ การรักษาสิว ประกอบด้วย
- การใช้ยาทา ได้แก่ การใช้ยากลุ่ม benzoyl peroxide, กลุ่ม retinoic acid, กลุ่มยาฆ่าเชื้อ และ skinoren ตามที่หมอเคยอธิบายไปข้างต้น
- การกินยา ได้แก่ กลุ่มยาปฏิชีวนะ และ ยากลุ่ม isotretinoin ซึ่งหมอแนะนำว่าหากมีข้อบ่งชี้ ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนค่ะ
- การรักษาเสริม ด้วยวิธีทางการแพทย์ เช่น กดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ , เลเซอร์และฉายแสง เพื่อลดการอักเสบของสิว , chemical peel ling เพื่อละลายหัวสิวอุดตัน
- การปรับพฤติกรรมที่กระตุ้นสิว
สำหรับในสิววัยรุ่นชายนั้น
สำหรับการรักษา ข้อ 1-3 คือ การทานยา, การกินยา และ การรักษาเสริมด้วยวิธีทางการแพทย์ จะเหมือนทั่วไป
ส่วน การปรับพฤติกรรมที่กระตุ้นสิว หมอขอแนะนำดังนี้ค่ะ
- ดูแลความสะอาดผิว โดยล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังล้างเสร็จ และ ไม่ควรใช้ที่มีเม็ดสครับผิว ล้างวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น ก็เพียงพอค่ะ หากระหว่างวันรู้สึกผิวหน้ามัน,เหงื่อออก,มีคราบสกปรก สามารถใช้น้ำสะอาดล้างหน้าได้ตามต้องการ และไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างอีก เพราะหากใช้บ่อยจะทำชั้นนอกแห้งตึง ผิวขาดความสมดุลได้ค่ะ นอกจากนี้ สามารถใช้กระดาษซับมัน ได้ โดยซับเบาๆ ไม่ถูไปมา ไม่เอากระดาษส่วนที่มันแล้วมาซับซ้ำ และไม่จำเป็นต้องซับจนหายมันสนิทเพราะอาจทำให้ผิวแห้งเกินไปค่ะ
- การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ให้เลือกสูตรที่ ระบุว่า non-comedogenic
- หากมีข้อบ่งชี้ในการใช้ยา พยายามมีวินัยในการทายา และทานยาสม่ำเสมอ และมาพบแพทย์ตามนัด เพราะจากประสบการณ์ หมอพบ น้องวัยรุ่นชายที่รักษาสิวแล้วเห็นผลช้าเนื่องจาก ขาดความสม่ำเสมอในการใช้ยาค่ะ
- การดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การเข้านอนไม่ดึก พักผ่อนเพียงพอ การทานอาหารที่มีประโยชน์และไม่กระตุ้นสิว การลดความเครียด ( ช่วงใกล้สอบ มักพบคนไข้สิวเห่อขึ้นจากความเครียด) สิ่งพื้นฐานเหล่านี้ นอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยทำให้สิวดีขึ้นด้วยนะคะ
วิธีรักษาสิววัยรุ่นหญิง
การรักษาสิววัยรุ่นหญิง ก็จะคล้ายกับการรักษาสิวทั่วไป ซึ่งประกอบด้วย
- การใช้ยาทา ได้แก่ การใช้ยากลุ่ม benzoyl peroxide, กลุ่ม retinoic acid, กลุ่มยาฆ่าเชื้อ และ skinoren ตามที่หมอเคยอธิบายไปข้างต้น
- การกินยา ได้แก่ กลุ่มยาปฏิชีวนะ และ ยากลุ่ม isotretinoin ซึ่งหมอแนะนำว่าหากมีข้อบ่งชี้ ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนค่ะ
- การรักษาเสริม ด้วยวิธีทางการแพทย์ เช่น กดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ , เลเซอร์และฉายแสง เพื่อลดการอักเสบของสิว , chemical peel ling เพื่อละลายหัวสิวอุดตัน
- การปรับพฤติกรรมที่กระตุ้นสิว
การรักษา ข้อ 1-3 จะเหมือนกับการรักษาสิวทั่วไป มีเพิ่มเติมคือ ช่วงแรกที่เริ่มเป็นสิว ประมาณมัธยมต้น วัยรุ่นหญิงบางคนจะมีสิวอุดตัน บริเวณหน้าผากมากกว่าที่อื่น และลักษณะสิวอุดตันมีลอตใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ คือมีสิวที่หัวลึกและตื้นๆ ปนกัน ทำให้ สิววัยรุ่นหญิงกลุ่มนี้อาจใช้ระยะการรักษานานกว่าคนอื่น แต่สุดท้ายก็จะหายเช่นกันนะคะ
ส่วนการปรับพฤติกรรมนั้น หมอขอแนะนำดังนี้ค่ะ
- ดูแลทำความสะอาดผิว โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรที่อ่อนโยน ไม่แห้งตึงหลังล้างเสร็จ ไม่จำเป็นต้องใช้สครับ
- ในบางคนที่แต่งหน้า ไม่ควรทิ้งไว้นานเกิน 8-10 ชั่วโมง และควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอาง ควบคู่กันด้วยค่ะ
- ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ ควรเลือกสูตรที่ระบุ non-comedogenic. และ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ น้ำหอม แอลกอฮอล์ เนื่องจากทำให้ชั้นผิวแห้งระคายเคืองง่ายขึ้น
- วัยรุ่นหญิง มักสนใจเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หมอแนะนำว่าหากใช้ตัวใด แล้วยังไม่รู้สึกเห็นผลควรรอดูผลอย่างน้อย 2-3 เดือนว่าเหมาะกับผิวตัวเองหรือไม่ ไม่ควรเปลี่ยนบ่อยๆ เพราะเสี่ยงให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น และ ไม่จำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายชนิด สำหรับวัยรุ่น หมอขอแนะนำผลิตภัณฑ์แบบพื้นฐานคือ ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า, มอยเจอร์ไรเซอร์, กันแดด เท่านี้ก็เพียงพอตามวัยแล้วค่ะ เพราะถ้ายิ่งใช้หลายผลิตภัณฑ์พร้อมกัน ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผิวระคายเคืองมากขึ้นค่ะ
- การดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การเข้านอนไม่ดึก พักผ่อนเพียงพอ การทานอาหารที่มีประโยชน์และไม่กระตุ้นสิว การลดความเครียด ( ช่วงใกล้สอบ มักพบคนไข้สิวเห่อขึ้นจากความเครียด) สิ่งพื้นฐานเหล่านี้ นอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยทำให้สิวดีขึ้นด้วยนะคะ
- สิวที่สัมพันธ์กับช่วงรอบเดือน แม้เกิดจากความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมน แต่การดูแลตัวเองในช่วงนี้ เช่น กินอาหารที่น้ำตาลไม่มากเพื่อช่วยลดการอักเสบ ,ลดอาหารเค็มเนื่องจากหากผิวบวมมาก จะมีการระบายไขมันน้อยลง ผิวอักเสบง่ายขึ้น , การเข้านอนเร็ว ,ดื่มน้ำสะอาดมากๆ จะพอช่วงลดความรุนแรง ได้ค่ะ
- วัยรุ่นหญิงบางคน มีอาการที่บ่งบอกว่า ฮอร์โมนเพศชาย สูงมากกว่าปกติ เช่น ขนดก มีขึ้นตามหนวดเครา แขนขา ,ผิวมันมาก, กล้ามเนื้อคล้ายเพศชาย อาจปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม เพื่อหาภาวะฮอร์โมนผิดปกติ และรักษาเพิ่มเติมค่ะ
ลูก เป็นสิว คุณพ่อคุณแม่ ควรปฎิบัติตัวอย่างไร ?
เมื่อวัยรุ่นมีปัญหาสิว พ่อแม่มีบทบาทสำคัญที่จะช่วยลูกๆในการจัดการรับมือกับสิว ทั้งในเรื่อง สภาพจิตใจ การดูแลตัวเองที่เหมาะสม การรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัย
สิ่งที่ควรปฏิบัติ คือ
- ด้านจิตใจ
– เข้าใจว่า วัยรุ่นอาจมีอารมณ์ขาดความมั่นใจ พ่อแม่คอยช่วยรับฟัง เข้าใจพฤติกรรมที่เค้าพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ตำหนิให้ลูกรู้สึกแย่ลง และให้คำแนะนำว่าสิวเป็นเรื่องธรรมชาติ จะค่อยๆดีขึ้นตามวัย
– ไม่กดดันลูก เช่น เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น
– พ่อแม่ไม่ควรแสดงความกังวลมากเกิน จนทำให้ลูกเครียดมากขึ้น
- ด้านการดูแลตัวเองที่เหมาะสม
- คอยแนะนำส่งเสริมเรื่องการดูแลตัวเองพื้นฐาน การกินนอนได้แก่ การเข้านอนเร็ว พักผ่อนให้เพียงพอ การทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผักผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นสิว เช่น น้ำตาล ผลิตภัณฑ์นมวัว
- คอยช่วยมีส่วนร่วมในการเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับสิว ตั้งแต่ ล้างหน้า ครีมบำรุง ครีมกันแดด ตามสภาพผิว
- ช่วยสังเกตพฤติกรรมที่อาจกระตุ้นสิวของลูก
- ด้านการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัย
- หากมีสิวในระดับที่เป็นข้อบ่งชี้ในการพบแพทย์ คือ สิวอุดตันมากหรือมีสิวอักเสบมากกว่า 10 เม็ด หรือ ดูแลด้วยตัวเองตามวิธีข้างต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรพาลูกปรึกษาแพทย์ค่ะ
- ส่งเสริมในเรื่องความมีวินัยในการรักษา ตั้งแต่ การทายา ทานยา พบแพทย์ อย่างสม่ำเสมอ
ทำไม รักษาสิววัยรุ่น ที่ กัญวราคลินิก จึงแตกต่างจากคลินิกรักษาสิวทั่วไป
เมื่อวัยรุ่นเป็นสิวในระดับที่ควรรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์ จะพบว่าปัจจุบันมีคลินิกรักษาสิวมากมาย ซึ่งในภาพรวมของการรักษาจะคล้ายกัน คือ มีแพทย์ช่วยให้คำแนะนำ และการทำการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ ที่หลากหลายขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก
สำหรับการรักษาสิววัยรุ่น ที่กัญวราคลินิก แตกต่างจากคลินิกรักษาสิวทั่วไป ดังนี้
- แพทย์ ที่กัญวราคลินิก มีแพทย์ประจำ คือ หมอเหมี่ยว พญ.กัญวรา นวอนุรักษ์ ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของคลินิก เป็นผู้ดูแลคนไข้เองตั้งแต่การให้คำปรึกษา การทำเลเซอร์ คุณหมอมีประสบการณ์ในการทำงานด้านคลินิกความงามมามากกว่า 13 ปี และดูแลคนไข้สิวมากมาย
- เจ้าหน้าที่ดูแล เป็นเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมและพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถ ด้านกดสิว การดูแลคนไข้สิว โดยคุณหมอเหมี่ยวเป็นผู้อบรม ซึ่งการรักษาทางการแพทย์พื้นฐาน คทอการกดสิว เจ้าหน้าที่กดสิวได้ละเอียดและมีความชำนาญ
- เครื่องมือในการรักษา ที่กัญวราคลินิก มีเครื่องมือ ได้แก่ ฉายแสง เลเซอร์ ที่หลายหลายเหมาะสมตามสภาพผิวของแต่ละคน เครื่องมือมีมาตรฐาน ผ่าน อย.
- ผลการรักษา จากผลลัพธ์ของคนไข้ที่ใช้บริการเป็นสิ่งที่ช่วยให้เห็นว่ารักษาแล้วสิวดีขึ้น ใช้เวลาไม่นาน
- ราคา อยู่ในเกณฑ์จับต้องได้ สมเหตุสมผล
- เราเน้นเรื่องการดูแลด้วยความจริงใจ เอาใจใส่ มีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือคนไข้ทุกคนให้ผิวดีขึ้น กลับมามั่นใจในตัวเอง จึงดูแลคนไข้ทุกคนอย่างเต็มที่และเท่าเทียมกันค่ะ
ปัญหาสิวในวัยรุ่น เป็นเรื่องธรรมชาติ ถึงแม้ทำให้วัยรุ่นและพ่อแม่มีความกังวลใจ แต่สามารถรักษาได้ โดยการดูแลตัวเอง ปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม ถ้าหากเป็นรุนแรงหรือดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อวางแผนแนงทางการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลแทรกซ้อน เช่นรอยแผลเป็น หลุมสิว แผลเป็นนูน ในอนาคตได้ค่ะ